ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นง่ายนิดเดียว เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็จะเห็นภาษาอังกฤษไปกับเราทุกที่ เช่น ตามป้ายโฆษณา ในห้างสรรพสินค้า ในร้านขายของ หรือจะเป็นของใช้ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันเป็นประจำ หากเราลองสังเกตดูสิ่งเหล่านี้ก็จะพบว่ามีคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายกำกับอยู่ ให้เราลองอ่านคำศัพท์เหล่านั้นและลองหาความหมายก็จะช่วยให้เราได้รู้จักคำศัพท์เพิ่มมากขึ้น แม้กระทั่งคำโฆษณาตามรถประจำทางก็สามารถยำมาแปลระหว่างเดินทางไปเพลินๆ ได้
วิธีต่อมาก็คือการใช้ระบบนำทาง หรือ GPS มาช่วยนำทางในขณะเดินทางโดยต้องใช้เป็นฟังก์ชั่นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ได้เรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้กันบนท้องถนน
หรือหากใครที่ไม่ชอบการจดจำคำศัพท์จากสิ่งรอบตัวเหล่านี้ ก็ให้ลองเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากสิ่งที่ชอบ เช่น ภาพยนตร์ เพลง หรือซีรี่ส์ที่เป็นแบบระบบ Sound Track ซึ่งการได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากสิ่งที่ชอบนั้นจะทำให้เรามีความตั้งใจและสนุกกับการเรียนภาษามากยิ่งขึ้น โดยอาจเริ่มจากการดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่มี Sub Title เป็นภาษาไทยเสียก่อน แต่พยายามอย่าอ่านทุกถ้อยคำของประโยค ให้ลองฟังสำเนียงคำศัพท์แล้วนำมาเทียบเคียงกับรูปประโยคภาษาไทยแทน เมื่อเริ่มรู้สึกฟังสำเนียงภาษาอังกฤษได้คล่องมากขึ้นแล้ว ให้ลองเลือกภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่ไม่มี Sub Title ภาษาไทย เพื่อเพิ่มความสามรถในการฟังและแปล โดยควรจะเลือกภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่มีบทสนทนาเยอะๆ เพื่อให้คุ้นชินกับรูปแบบการสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
หรือหากใครที่ชอบฟังเพลงก็ให้เลือกฟังเพลงที่มีจังหวะช้าๆ เสียก่อน อาจะเริ่มต้นจากการเปิดคำแปลเนื้อเพลงในการฟังไปด้วย จนเมื่อคุ้นชินกับสำนวนภาษาหรือวลีในภาษาอังกฤษแล้ว ก็ให้เพิ่มความเร็วของจังหวะเพลงขึ้น และพยายามอย่าเปิดอ่านคำแปลถ้าเป็นไปได้
ในการเรียนภาษาอังกฤษที่สำคัญเลยคือห้ามกลัวเจ้าของภาษา ไม่ว่าจะเจอชาวต่างชาติที่มาถามทางหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็อย่าลืมที่จะแสดงน้ำใจในการให้ความช่วยเหลือโดยทันทีแบบไม่ต้องอาย เพราะการฝึกพูดภาษากับเจ้าของภาษานั้นจะช่วยฝึกฝนเราได้อย่างดีที่สุด หรืออาจจะใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลายในการหาเพื่อนมาฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยก็ได้เช่นกัน