ปัจจุบันหลายคนหันมาใช้บัตรเครดิต-บัตรเดบิต จับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายในการชำระเงินที่ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวจำนวนมาก ๆ แถมยังมีโปรโมชั่นให้สะสมแต้มกันอีก แต่การใช้ง่ายจ่ายคล่องแบบนี้ ก็มาพร้อมกับอันตรายมากมาย อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อย ๆ กับการที่เหล่ามิจฉาชีพแอบขโมยบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้า หรือจดรหัสบัตรไปใช้ จนทำให้เจ้าของบัตรสูญเงินจำนวนมาก
ดังนั้น การใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตอย่างระมัดระวัง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ วันนี้ กระปุกดอทคอม เลยรวบรวมวิธีใช้บัตรเครดิต-เดบิตอย่างปลอดภัย มาฝากทุกคนกัน
1. อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตา
เพียงแค่เราปล่อยให้บัตรคลาดสายตาแค่แป๊บเดียว ก็อาจโดนฉกข้อมูลบนบัตร หรือถูกนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าอื่น ๆ ได้ง่าย ๆ ดังนั้น การคอยสังเกตบัตรของตัวเองอยู่เสมอเวลายื่นให้พนักงานตอนจ่ายเงิน จึงเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติอะไรขึ้นมา จะได้รู้ตัวอย่างทันท่วงทีนั่นเอง
2. ตั้งรหัสให้เดายาก
การตั้งรหัสบัตรให้เดายากไว้ก่อน ก็สามารถเป็นการป้องกันเบื้องต้นได้เวลาที่เราเผลอทำบัตรหล่นหาย แล้วคนร้ายเก็บบัตรไปได้ ซึ่งแนะนำว่าการตั้งรหัสไม่ควรเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 0000, 4444 เลขเรียงกัน เช่น 1234, 6789 หรือเป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจนคนร้ายเดาได้ง่าย อย่างเช่น เลขวันเกิด หรือบัตรประชาชน เป็นต้น ที่สำคัญ คือ ควรเปลี่ยนรหัสทุก ๆ 3 เดือน และอย่าเผลอจดรหัสไว้บนบัตร หรือในซองใส่บัตรเป็นอันขาด
3. ใช้บัตรกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
การซื้อของผ่านบัตรสิ่งสำคัญเลยคือต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือมากกว่าปกติ เพราะมีโอกาสถูกโกงได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นการซื้อของออนไลน์ด้วยแล้ว ยิ่งควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้เท่านั้น หรือเป็นร้านที่มีหน้าร้านชัดเจนก็จะปลอดภัยมากกว่า
4. เปิดใช้งานแจ้งเตือนผ่าน SMS
ผู้ให้บริการแทบทุกรายจะมีบริการแจ้งเตือนการใช้งานผ่านทาง SMS หรือ E-mail อยู่แล้ว เพื่อให้เรารู้ถึงความเคลื่อนไหวเมื่อมีการใช้บัตร นั่นแปลว่าจะทำให้เรารู้ด้วยเวลาที่มีคนแอบนำบัตรของเราไปใช้
5. ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ
อีกวิธีในการป้องกันเบื้องต้น คือ การคอยเช็กการใช้จ่ายอยู่เสมอว่าตรงกับราคาสินค้าที่เราจ่ายไปจริง ๆ ไหม ทั้งก่อนเซ็นเซลล์สลิป และหลังจากใช้จ่ายไปแล้วในใบแจ้งบัญชีประจำเดือน เพราะหากมีปัญหาอะไรขึ้นมา เราจะได้รู้ตัวทันท่วงที
6. ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVV ไว้
รหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ ก็ได้เช่นกัน
7. สมัคร Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secure
เป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้เราใช้งานบัตรด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรของเราไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ได้นั่นเอง
8. ใช้กระเป๋าป้องกัน RFID
ลองสังเกตบัตรเดบิต-บัตรเครดิตของตัวเองดูดี ๆ ว่าเป็นบัตรประเภท Visa Paywave ที่ใช้แตะจ่ายผ่านเครื่องได้หรือเปล่า เพราะหากเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีโอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะนำเครื่องที่ชื่อว่า RFID Scanners แอบมาแตะบัตรของเราเพื่อขโมยข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันได้ด้วยการหาซื้อกระเป๋าป้องกัน RFID มาใช้งาน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับกระเป๋าสตางค์ทั่ว ๆ ไปเลย
9. อย่าบอกข้อมูลบัตรกับคนอื่น
ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม การบอกข้อมูลบัตรให้คนอื่นรู้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหมือนการเปิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาขโมยบัตรของเราไปใช้ได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วย
10. หากพบความผิดปกติติดต่อธนาคารทันที
หากพบว่าบัตรของเราสูญหาย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติแล้วละก็ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ การแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรทันทีเพื่อทำการอายัดบัตร หลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที
จะเห็นว่าภัยจากการใช้งานบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา หากผู้ใช้ไม่มีความระมัดระวังและขาดความรอบคอบ แต่หากเรารู้จักใช้บัตรอย่างมีสติละก็ รับรองว่าเงินในบัตรของเราจะปลอดภัยจากกลุ่มมิจฉาชีพแน่นอน
เข้าชม : 689
|