เอาชนะ ภูมิแพ้ ด้วยตนเอง
หากมีอาการไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ที่คอยสร้างความรำคาญเป็นประจำทุกวัน นั่นเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเกิดอาการแพ้อากาศหรือฝุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรคภูมิแพ้นั่นเอง อันเกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้มีปฏิกิริยาภูมิแพ้เกิดขึ้นเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป
โดย "ภูมิแพ้" เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่พบมากในประเทศไทย และมีคนไทยกว่า 10 ล้านคนป่วยเป็นภูมิแพ้ แม้จะเป็นโรคไม่ติดต่อ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมของเราอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงจัดกิจกรรม "เอาชนะภูมิแพ้" ให้มารู้จักกับวิธีง่ายๆ ในการดูแลตัวเองเพื่อเอาชนะอาการโรคภูมิแพ้
คุณชินริณี วีระวุฒิวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เผยว่า โรคภูมิแพ้คือโรคที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่เยื่อบุของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุตาขาว เยื่อบุทางเดินหายใจ หรือเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น เป็นโรคที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ทารก เด็กเล็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ คนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักไม่ค่อยมีอาการรุนแรงถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
โรคภูมิแพ้ยอดฮิตที่คนไทยเป็นมากที่สุด ได้แก่ โรคภูมิแพ้อากาศ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคภูมิแพ้อาหาร และโรคภูมิแพ้ยา โดยสาเหตุของโรคภูมิแพ้นั้นมีอยู่หลายประการ อย่างแรกก็คือปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์ ซึ่งหากว่าในครอบครัวองเรามีคนเป็นโรคภูมิแพ้ เราก็มีสิทธิ์เป็นโรคภูมิแพ้ อันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเรานั้นเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้
ปัจจัยที่สอง ก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสภาวะที่เป็นพิษ ซึ่งสารเคมีต่างๆ หากถูกผิวที่บอบบางของเราแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และในบางครั้งสภาวะแวดล้อมที่มีแต่สิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย อย่างทุ่งดอกไม้ หรือว่าที่ที่มีเกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองมากๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการแพ้ของเรากำเริบขึ้นมาได้
ปัจจัยที่สาม ก็คืออาหารการกิน ซึ่งหากว่าร่างกายรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการผื่นมา ก็จะทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยา อย่างเช่น การแพ้อาหารทะเล หรือว่าแพ้นม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารที่เราแพ้นั้นมักจะเป็นอาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น นม อาหารทะเล ถั่วต่างๆ ซึ่งหากว่าเราแพ้นั้น ก็จะมีผื่นขึ้นตามตัว และอาจจะมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารร่วม อย่างอาการปวดท้องหรืออาเจียน การแพ้อาหารนั้น ในบางครั้งหากว่าเรารับประทานในปริมาณไม่มากพอก็อาจจะไม่มีอาการก็เป็นได้ เราจึงควรต้องระมัดระวังการรับประทานอาหารองเราเองให้ดี
ส่วนสาเหตุอื่นๆ ของการแพ้นั้น ก็มาจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสุนัข ขนแมวเกสรหญ้า หรือเชื้อรา เป็นต้น รวมทั้งอาจจะเป็นการแพ้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีส่วนผสมจากสารเคมี ซึ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกว่านี่คือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด ดังนั้น เวลาใช้ของสิ่งใดก็ควรจะระวังให้ดี สิ่งของเหล่านั้นก็อย่างเช่น น้ำหอม ยาปฏิชีวนะ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาขัดห้องน้ำ เป็นต้น
ส่วนอาการของคนที่เป็นภูมิแพ้ หากเกิดการอักเสบที่ ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีอาการผื่นคันเรื้อรัง บริเวณใบหน้า ข้อพับแขนขา หรือลำตัว เป็นต้น เยื่อบุโพรงจมูก ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกเรื้อรังร่วมกับอาการจาม คันหรือคัดจมูก เยื่อบุตาขาว ผู้ป่วยจะมีอาการคัน หรือเคืองตาเรื้อรัง แสบตา หรือน้ำตาไหลบ่อยๆ เยื่อบุทางเดินหายใจ จะทำให้เกิดโรคหืด ผู้ป่วยจะมีอาการไอ หอบหายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หรือหายใจได้ยินเสียงวี้ด หรือ เยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้เกิดโรคแพ้อาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการอุจจาระร่วงเรื้อรัง อาเจียน น้ำหนักตัวลด ร่วมกับอาการผื่นเรื้อรังและภาวะซีด เป็นต้น
การรักษาโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการวัคซีน หากปฏิบัติตนให้อยู่ในหลักสำคัญ 3 ข้อนี้ 1.การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคือง เนื่องจากการรักษาที่ดีที่สุดของโรคภูมิแพ้ คือการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อรักษา หรือเพื่อบรรเทาและควบคุมอาการที่จะเกิดขึ้น 2.การใช้ยาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ และ 3.การดูแลตนเองให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที จะช่วยทำให้การนอนหลับได้ดีมากขึ้น และไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลาที่จะนอน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวและไม่พร้อมเข้าสู่การนอนหลับ.
ปรุงชาเบญจรส ช่วยขับลม รักษาอาการไอ
ส่วนผสม ขิงแก่ 1 แง่ง ตะไคร้ 5 ต้น กะเพรา 1 กำ โหระพา 1 กำ ลูกผักชี 2 ทัพพี ลูกกระวาน 1 ทัพพี น้ำสะอาด 2 ลิตร
วิธีการทำ
1.หั่นตะไคร้และขิงเป็นแว่น
2.คั่วลูกกระวานและลูกผักชีพอหอมๆ
3.ตั้งน้ำให้เดือด
4.ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไป
5.ทิ้งไว้ให้เดือดประมาณ 5 นาที
6.ปิดไฟตักรับประทานได้
รับประทานขณะร้อนๆ จะช่วยขับลมและรักษาอาการไข้หวัด หากต้องการรักษาอาการไอและช่วยให้ชุ่มคอให้ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย.
รู้ไว้ พิชิตโรค
ปุย-นาฎนภางค์ ลิ้มเจริญ อายุ 43 ปี พนักงานบัญชี บอกว่า สนใจเข้าร่วมกิจกรร มเพราะว่าลูกชายมีอาการภูมิแพ้ เวลาอากาศเปลี่ยนมักจะมีอาการไอ น้ำมูกไหล จึงอยากได้ความรู้นำไปปฏิบัติตาม ซึ่งจากที่ฟังมีเคล็ดลับในการทำน้ำสมุนไพรแก้อาการภูมิแพ้ บรรเทาการไอ โดยสมุนไพรไทยนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค เพราะเราก็กลัวว่าหากใช้ยาแผนปัจจุบันมากๆ จะทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกายของลูก ถือเป็นกิจกรรมดี มีประโยชน์ และได้รับความรู้ใหม่ๆ ในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมค่ะ
จิ๋ม-รุ่งรัตน์ อู่เชื้อวงศ์ อายุ 51 ปี แม่บ้าน บอกว่า ด้วยตัวเองป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ จึงอยากเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเรียนรู้วิธีในการดูแลตัวเอง เพราะโรคนี้ค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน อากาศปัจจุบันนี้ก็เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ซึ่งเราเองก็จะประสบปัญหาโดยตรง มักเป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ไอ จาม จากอาการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กิจกรรมครั้งนี้จึงมีประโยชน์กับเราโดยตรงในการใช้ธรรมชาติบำบัด จากการปรับความสมดุลในร่างกาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค และยังได้เรียนรู้การทำน้ำสมุนไพรที่เป็นอีกวิธีทำให้ห่างไกลจากยาที่เป็นสารเคมีค่ะ.
เข้าชม : 909
|