[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 
 

  

ความรู้เกี่ยวกับ IT
ดูแลกายให้ไกลโรคกระเพาะ

เสาร์ ที่ 25 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560

คะแนน vote : 74  

 ดูแลกายให้ไกลโรคกระเพาะ  

กระเพาะอาหาร เป็นอวัยวะที่อยู่ในระดับลิ้นปี่ ทำหน้าที่เป็นที่พักและย่อยอาหารให้แตกย่อยในเบื้องต้น จากนั้นจึงส่งต่อไปยังลำไส้เล็กเพื่อผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึม 

ความรุนแรงของอาการ

ผู้ป่วยอาจจะปวดท้องมากหรือน้อยตามอาการ ท้องอืด คลื่นไส้ กินอิ่มง่าย หากมีอาการรุนแรงจะมีเลือดออกและทำให้กระเพาะทะลุ ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงมาก โดยทั่วไปพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 50 - 60 อาการจะค่อย ๆ ทุเลาและหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกมีอัตราสูงถึงร้อยละ 80 ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาดีเพียงใดก็ตาม และที่สำคัญ คือ พบว่ามีอาการแทรกซ้อน ซึ่งหมายถึง มีเลือดออก ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำเหลว (สาเหตุมาจากเลือดที่ออกในกระเพาะอาหาร ไปทำปฏิกริยากับกรดในกระเพาะอาหาร) นอกจากนี้ หากแผลทะลุจะทำให้ปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้ ช็อค และอาจถึงแก่ชีวิต การรักษาจะทำโดยผ่าตัด แผลที่หายจะเป็นพังผืด โดยเฉพาะลำไส้เล็กที่จะตีบ อุดตัน ทำให้มีอาการอาเจียน และปวดท้อง

โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เคยมีเลือดออกจะมีโอกาสเกิดโรคซ้ำเพิ่มจากร้อยละ 20 - 25 เป็น ร้อยละ 50 และจากสถิติพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 50 ของคนไข้ที่มีเลือดออกจะไม่แสดงอาการใด ๆ แม้แต่ปวดท้อง ซึ่งเป็นความแปลกของโรคชนิดนี้

สังเกตอาการง่าย ๆ จากอาการดังนี้

1. จะปวดท้องเมื่อท้องว่าง ใกล้มื้ออาหารหรือหลังอาหาร แต่จะไม่ปวดตลอดเวลา เมื่อได้รับประทานอาหารจะทำให้อาการดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี ที่จะปวดท้องหลังอาหาร ไม่ปวดตอนท้องว่าง แต่ถ้าปวดจะปวดตลอดทั้งคืนติดต่อกัน

2. ปวดท้องเวลาดึก คลื่นไส้ อาเจียนออกมาเป็นอาหารที่แยกชนิดอย่างชัดเจน

การดูแลตนเอง แบ่งออกเป็น 3 ระยะ

ระยะที่ 1 ป้องกันการเกิดโรค สามารถทำโดยวิธีดังนี้

- ค้นหาสาเหตุ และสังเกตอาหารที่รับประทานว่าทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติหรือไม่ อย่างไร

- ไม่รับประทานยาแก้ปวดโดยปราศจากแพทย์สั่ง และควรหลีกเลี่ยงสารเสพติด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งของหมักดอง

- พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด

- หากมีอาการของโรคติดเชื้อชนิดต่าง ๆ เช่น ไข้เลือดออก มาลาเรีย ไทฟอยด์ ไข้หวัดใหญ่ ควรรีบรักษาให้หายขาดโดยเร็ว

ระยะที่ 2 รักษาตัวเมื่อมีอาการอักเสบ

- พบแพทย์สม่ำเสมอตามเวลานัด โดยทั่วไปแพทย์จะให้รับประทานยาน้ำหรือยาเม็ด โดยพิจารณาจากความรุนแรงของอาการ โดยปกติผู้ป่วยที่มีอาการระยะรุนแรงแพทย์จะให้รับประทานยานํ้า เนื่องจากออกฤทธิ์เร็ว

- ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และมีรสชาดอ่อน

- พักผ่อนให้เพียงพอ

ระยะที่ 3 หลังจากได้รับการรักษา

- งดอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ อาหารรสจัด ร้อนจัด เย็นจัด ของหมักดอง รวมทั้งอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร

- ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส และพักผ่อนอย่างเพียงพอ

- ดื่มน้ำมาก ๆ ป้องกันอาการท้องผูก และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก

โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นเหมือนภัยเงียบที่คอยบั่นทอนสุขภาพ หากเราละเลยไม่ให้ความใส่ใจดูแลสังเกตุอาการของตนเอง อาจทำให้ได้รับความรุนแรงของโรคและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อท่านมีอาการที่ใกล้เคียงกับที่กล่าวมา จึงควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจโดยเร็ว เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานจะส่งผลให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร



เข้าชม : 338


ความรู้เกี่ยวกับ IT 5 อันดับล่าสุด

      วิธีลดอาการหน้ามืดตอนตื่นนอน 8 / ก.ค. / 2560
      6พฤติกรรมต้องห้าม!! ทำหน้าแก่ 8 / ก.ค. / 2560
      ประโยชน์กับการออกกำลังกาย 8 / ก.ค. / 2560
      ดื่มน้ำเวลาไหนดี 8 / ก.ค. / 2560
      นอนอย่างไร ให้ตื่นมาสดชื่น 8 / ก.ค. / 2560


 
 
ศกร.ตำบลท่าบอน หมู่ที่ 3 ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา หมายเลขโทรศัพท์ 095-4413456
E-mai : was2508@hotmail.com 
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05