การแท้งติดเชื้อ หรือ ภาวะแท้งติดเชื้อ (Septic abortion) เป็นภาวะแทรกซ้อนของการแท้ง คือ เกิดมีการอักเสบและติดเชื้อร่วมกับการแท้ง ซึ่งการอักเสบติดเชื้อนี้ สามารถเกิดก่อนที่จะมีการแท้ง หรือเกิดหลังทารกในครรภ์เสียชีวิตก่อนแล้วค่อยติดเชื้อก็ได้ ภาวะแทรกซ้อนนี้สามารถเกิดขึ้นทั้งในการแท้งเองตามธรรมชาติ หรือเกิดจากการไปทำแท้งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการไปทำแท้งฯมักทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างมาก อันตรายของการแท้งติดเชื้อคืออะไร? แท้งติดเชื้อ อันตราย หรือ ผลข้างเคียง หรือ การพยากรณ์โรค จากการแท้งติดเชื้อ มีได้ตั้งแต่อาการน้อยๆที่รักษาได้หาย ไปจนถึงอาการรุนแรงมากจนถึงขั้นเสียชีวิต (ตาย) ได้ (ขึ้นกับ ความรุน แรงของเชื้อ, ผลข้างเคียงจากโรค เช่น การเสียเลือด การทำงานของไตล้มเหลว, สุขภาพพื้น ฐานของผู้ป่วย, และการพบแพทย์ได้เร็วหรือช้า) การแท้งติดเชื้อเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สตรีตั้งครรภ์ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาเสียชีวิตในอัตราที่สูง อันตรายที่พบได้มีดังนี้ มีการอักเสบในโพรงมดลูก ทำให้ปวดท้อง ตกขาว มีไข้ ในกรณีที่รุนแรงและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล อาจทำให้แพทย์จำเป็นต้องตัดมดลูกเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ทำให้ปวดท้องน้อย/ปวดอุ้งเชิงกราน ตกขาว มีไข้ เกิดฝีหนองในอุ้งเชิงกราน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สืบต่อจากการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ) โดยเชื้อลุกลามจากโพรงมดลูก หากให้การรักษาไม่ทันท่วงที อาจรุนแรงถึงเสียชีวิต (ตาย) ได้ เกิดมีพังผืดในโพรงมดลูก ทำให้ประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มาเลยในอนาคต ทำให้มีบุตรยากหรือไม่มีบุตรในอนาคต มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังในอนาคต สาเหตุของการแท้งติดเชื้อมีอะไรบ้าง? สาเหตุของการแท้งติดเชื้อ คือ การแท้งไม่สมบูรณ์หรือแท้งไม่ครบ ทำให้ปากมดลูกเปิด ทำให้เชื้อโรคจากบริเวณช่องคลอดแพร่เข้าไปในมดลูก ทำให้มีโอกาสติดเชื้อง่าย ทั้งนี้ การแท้งไม่สมบูรณ์เกิดได้จาก การไปทำแท้งอย่างผิดกฎหมายหรือลักลอบทำแท้ง จะชักนำให้มีการติดเชื้อจากช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก จึงเกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงในมดลูกตามมา ปัจจัยเสี่ยงต่อการแท้งติดเชื้อมีอะไรบ้าง? ปัจจัยเสี่ยงต่อการแท้งติดเชื้อมีดังนี้คือ การไปทำแท้ง โดยการใส่อุปกรณ์บางอย่างเข้าไปในช่องคลอด เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมากที่สุด ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด/แตกก่อนกำหนด ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าไปในถุงการตั้งครรภ์ได้ การติดเชื้อในช่องคลอด ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าไปในถุงการตั้งครรภ์ได้ สตรีตั้งครรภ์มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่น ติดเชื้อเอชไอวี) การใส่ห่วงอนามัย/ใส่ห่วงคุมกำเนิด แล้วเกิดการตั้งครรภ์ร่วมกับการใส่ห่วง สตรีตั้งครรภ์จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดการแท้งติดเชื้อกับตนเอง? สตรีตั้งครรภ์จะรู้ได้ว่าเกิดการแท้งติดเชื้อกับตนเอง โดยสังเกตจากอาการที่แสดงว่าอาจจะเกิดการแท้ง คือ มีอาการปวดท้องน้อยหน่วงๆ มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจออกกะปริบกะปรอยหรือออกปริมาณมาก และหากมีการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วย จะทำให้เกิดอาการ ไข้ ปวดบริเวณท้องน้อยมากขึ้น เลือดหรือสิ่งคัดหลั่งที่ออกทางช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น แพทย์มีวิธีวินิจฉัยภาวะแท้งติดเชื้ออย่างไร? แพทย์วินิจฉัยภาวะแท้งติดเชื้อได้โดย ก. ประวัติอาการ: มีการตั้งครรภ์แล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด มีน้ำ/ของเหลวออกทางช่องคลอด มีเศษชิ้นเนื้อหลุดออกมาก มีไข้ร่วมด้วย ปวดท้องน้อย เลือดหรือน้ำที่ออกจากช่องคลอดมีกลิ่น หรือมีประวัติไปทำแท้งมา ข. ตรวจร่างกาย: วัดอุณหภูมิร่างกายพบว่ามีไข้ มีชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำในรายที่มีอาการมาก กดเจ็บบริเวณท้องน้อย กล้ามเนื้อหน้าท้องหดเกร็ง เสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง (ตรวจได้จากการใช้หูฟัง) ค. ตรวจภายใน:เลือดหรือสิ่งคัดหลั่งที่ออกในช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ปากมดลูกเปิด กดเจ็บที่ ปีกมดลูก และมดลูก หากเกิดก้อนฝีหนองที่ปีกมดลูกจะคลำได้ก้อนหนองที่ปีกมดลูกร่วมด้วย ง. ตรวจทางห้องปฏิบัติการ: มีการตรวจเลือดเพื่อดูร่องรอยการติดเชื้อและดูภาวะซีด (ตรวจ Complete blood count/CBC) และดูการทำงานของไต ตรวจเพาะเชื้อจากเลือด (Hemoculture) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อรุนแรงต้องตรวจเลือดดูระบบการแข็งตัวของเลือดด้วย นอกจากนี้ อาจมีการตรวจเครื่องเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) ทางช่องคลอด เพื่อดูว่ามีชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์หรือเศษรกค้างอยู่ในมดลูกหรือไม่ การรักษาภาวะแท้งติดเชื้อมีอะไรบ้าง? การรักษาภาวะแท้งติดเชื้อ โดยทั่วไปในระยะแรกมักเป็นการรักษาโดยรับผู้ป่วยไว้ในโรง พยาบาล การรักษาทั่วไป: ประเมินสัญญาณชีพของผู้ป่วยเป็นระยะๆเพื่อดูความรุนแรงของโรค ให้ออกซิเจนหากมีอาการมาก แพทย์จะให้งดน้ำและอาหารทางปากในช่วงแรก ให้สารน้ำ (น้ำเกลือ) ทางหลอดเลือดดำให้เพียงพอ ให้เลือดกรณีที่มีการเสียเลือดมาก ให้ยาแก้ปวด ยาลดไข้ แบบฉีดในช่วงที่ต้องงดอาหาร ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ในกรณีที่มีประวัติไปทำแท้งผิดกฎหมาย หรือมีการสอดใส่อุปกรณ์เข้าไปในช่องคลอด ฉีดยาสาร Tetanus antitoxin (ยาที่เป็นสารต้านสารพิษจากเชื้อบาดทะยัก) ควบคู่ไปกับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ในกรณีที่มีประวัติไปทำแท้งผิดกฎหมาย หรือมีการสอดใส่อุปกรณ์เข้าไปในช่องคลอด มักเป็นการรักษาโดยรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล การรักษาเฉพาะ: ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำใน 48 ชั่วโมงแรก มักต้องให้ยา 2 - 3 ขนานเพื่อ ให้ครอบคลุมเชื้อได้อย่างกว้างขวาง เมื่ออาการดีขึ้นจะเปลี่ยนเป็นยาชนิดรับประทาน เนื่องจากเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหลายกลุ่ม การให้ยาปฎิชีวนะจึงต้องให้ยาหลายขนาน พิจารณาขูดมดลูกหากยังมีเศษรกเหลืออยู่หลังจากให้ยาปฏิชีวะนะไปแล้ว หรือยังมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ การดูแลตนเองหลังแท้งติดเชื้อควรทำอย่างไร? การดูแลตนเองหลังแท้งติดเชื้อเมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ได้แก่ รับประทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งจนครบ ห้ามหยุดยาเอง งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากไม่มีน้ำคาวปลาแล้ว เริ่มคุมกำเนิดหลังแท้งได้ 2 สัปดาห์ งดการว่ายน้ำในสระหรืออ่างอาบน้ำอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าสิ่งคัดหลั่ง (น้ำคาวปลา) หยุดไหล พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัด ไปพบแพทย์/โรงพยาบาลก่อนนัดหากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดที่ออกทางช่องคลอดหยุดไปแล้ว กลับมามีเลือดออกอีก มีไข้ ปวดท้องมากขึ้น หากครรภ์แรกแท้งติดเชื้อ ตั้งครรภ์ครั้งต่อไปจะมีปัญหาหรือไม่? หากได้รับการรักษาทันท่วงทีและรักษาถูกต้อง ไม่มีภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียงดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อันตราย/ผลข้างเคียง) การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปน่าจะไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องระวังภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด/แตกก่อนกำหนด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อในโพรงมดลูกได้ง่าย และมีการคลอดก่อนกำหนดตามมา ดังนั้นเมื่อตั้งครรภ์ควรรีบไปพบแพทย์ ตั้งครรภ์ครั้งต่อไปได้เมื่อไร? การวางแผนตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ควรรอให้สภาพมดลูกและปีกมดลูกกลับมาเป็นปกติก่อน ไม่สามารถบอกระยะเวลาได้แน่นอน แต่โดยทั่วไปแนะนำให้คุมกำเนิดไปประมาณ 3 เดือนหลังจากการแท้ง รอให้ประจำเดือนมาปกติเสียก่อน ในกรณีที่ต้องการตั้งครรภ์เร็ว ควรใช้การคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยชายเพื่อที่จะไม่ไปรบกวนระดับฮอร์โมน สำหรับการคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ดี มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่หลังจากหยุดรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด อาจต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่ระดับฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์จะกลับมาปกติ ป้องกันภาวะแท้งติดเชื้อได้อย่างไร? ป้องกันแท้งติดเชื้อได้โดย หลีกเลี่ยงการไปทำแท้งหรือการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม มีการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ เมื่อจะแต่งงานหรือแต่งงานแล้ว ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เรื่อง การวางแผนครอบครัว บรรณานุกรม https://www.honestdocs.co/abortion https://www.honestdocs.co
เข้าชม : 1574
|