เจ็บคอ (Sore throat) คออักเสบ หรือคอหอยอักเสบ (Pharyngitis) เป็นอาการไม่ใช่โรค คืออาการเจ็บในลำคอ/ในคอหอยที่เกิดจากลำคอ/คอหอยเกิดการอักเสบ ได้รับบาดเจ็บ หรือระคายเคือง เป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก เกือบทุกคนต้องเคยมีอาการนี้อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ในสหรัฐอเมริกาพบอาการนี้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ได้ประมาณ 2.4 ล้านคนต่อปี อาการนี้พบได้ตลอดปีแต่พบได้สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว เจ็บคอ/คออักเสบพบได้ทังในเพศหญิงและในเพศชายในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน และพบได้ในทุกอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่มักพบได้บ่อยในเด็ก วัยรุ่น และในวัยหนุ่มสาว เจ็บคอมีสาเหตุจากอะไร? เจ็บคอ เจ็บคอ/คออักเสบมีสาเหตุได้ทั้งจากลำคอติดเชื้อ และจากที่เกิดโดยไม่มีการติดเชื้อ ก. สาเหตุจากลำคอติดเชื้อ: เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคิดเป็นประมาณ 80 - 90% ของการเจ็บคอทั้งหมด โดยมักเป็นจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตอนบน (จมูก ช่องปาก และช่องคอ) ซึ่งเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา การติดเชื้อไวรัส: เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เชื้อที่เป็นสาเหตุพบบ่อยเช่น จากโรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคหัด และโรคอีสุกอีใส ซึ่งในเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาวพบอาการเจ็บคอมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสประมาณ 60 - 70% ส่วนในผู้ใหญ่อาการเจ็บคอมักเกิดจากเชื้อไวรัสประมาณ 80 - 85% เชื้อแบคทีเรีย: ที่เป็นสาเหตุพบบ่อยของการเจ็บคอคือ เชื้อสเตรปกรุ๊ป เอ (Group A beta-hemolytic streptococcus เรียกย่อว่า GABHS หรือแพทย์บางท่านเรียกว่า Group A streptococ cus โดยเรียกย่อว่า GAS) ซึ่งแบคทีเรียเป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอในเด็กจนถึงวัยหนุ่มสาวได้ประมาณ 25 - 40% ส่วนในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุพบแบคทีเรียเป็นสาเหตุเจ็บคอได้ประมาณ 5 - 15% ซึ่งโรคที่พบบ่อยจากเชื้อแบคทีเรียคือ โรคต่อมทอนซิลอักเสบ นอกจากนั้นคือ โรคไอกรน และโรคคอตีบ เชื้อรา: เป็นสาเหตุพบได้น้อยโดยมักพบในคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำเช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยได้ยาเคมีบำบัด และผู้ป่วยโรคเอดส์ ข. สาเหตุเจ็บคอที่ไม่ได้เกิดจากติดเชื้อ: พบได้น้อยประมาณ 5 - 10% เช่น จากช่องคอได้รับการบาดเจ็บโดยตรงเช่น อุบัติเหตุ จากมีสิ่งแปลกปลอมเช่น ก้างปลา จากช่องคอระคายเคืองเช่น จากควันบุหรี่ (ทั้งจากการสูบโดยตรงหรือการสูบบุหรี่มือสอง) การตะโกน การใช้เสียงมาก ไอเรื้อรัง อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง/ควันต่างๆที่ได้รับต่อเนื่อง จากโรคภูมิแพ้ จากการระคายเคืองจากกรดในกระเพาะอาหารในโรคกรดไหลย้อน/กรดไหลกลับ ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดเช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิดเช่น ยา Atenolol จากการดื่มน้ำน้อย จากโรคมะเร็งคอหอย และ จากโรคมะเร็งกล่องเสียง อาการเจ็บคอเกิดร่วมกับอาการอะไรได้บ้าง? เจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆได้ดังนี้เช่น ก. อาการที่มักเกิดร่วมกับเจ็บคอที่สาเหตุจากติดเชื้อ: ที่พบบ่อยเช่น ไข้ หนาวสั่น ไอ อาจมีเสมหะหรือไม่มีเสมหะ จาม มีน้ำมูก ตาแดง ตาสู้แสงไม่ได้/ตาไม่สู้แสง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ/ปวดเมื่อยเนื้อตัว อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน อาจมีท้องเสียแต่ไม่มาก ข. อาการที่เกิดร่วมกับการเจ็บคอทั้งที่ติดเชื้อหรือไม่ได้ติดเชื้อ: ที่พบบ่อยเช่น คอแดง เจ็บคอมากขึ้นเมื่อกิน ดื่ม กลืน พูด ไอ อาจมีเสียงแหบ ปาก คอ แห้ง ต่อมทอนซิลแดง อาจโตและมีแผ่นขาวๆเหลืองๆปกคลุม ในเด็กมักไม่ยอมกินเพราะเจ็บเวลากลืน อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอโต คลำได้ อาจเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างและมัก จะเจ็บ อาจมีตุ่มนูนเล็กๆสีแดงกระจายที่ผนังด้านหลังของคอหอยที่เกิดจากการโตของ ต่อมน้ำเหลืองที่เรียกว่า Lymphoid hyperplasia of pharyngeal wall ควรพบแพทย์เมื่อไร? เมื่อมีอาการเจ็บคอมากจนมีผลต่อการกิน/ดื่ม และ/หรือมีอาการอื่นๆร่วมด้วยดังกล่าวในหัวข้อ อาการ และอาการไม่ดีขึ้นใน 2 - 3 วันหลังการดูแลตนเองในเบื้องต้นตามอาการ ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอเพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุ เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ถ้าอาการเลวลงหลังการดูแลตนเองในเบื้องต้นควรรีบไปโรงพยาบาลไม่ควรรอจนถึง 2 - 3 วัน อนึ่งควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเป็นการฉุกเฉิน ถ้ามีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อยร่วมด้วย แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุเจ็บคอได้อย่างไร? โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยสาเหตุการเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบโดยใช้เพียงลักษณะทางคลินิกเช่น ประวัติอาการของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจดูในลำคอ การตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองลำคอ อาจร่วมกับการตรวจทางหูคอจมูก แต่ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรง มักมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมเช่น การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) การตรวจปัสสาวะ การตรวจย้อมเชื้อและ/หรือการเพาะเชื้อจากสารคัดหลั่ง จากเสมหะและ/หรือจากลำคอ หรือการตรวจเลือดดูสารภูมิต้านทานและ/หรือสารก่อภูมิต้านทานโรคติดเชื้อต่างๆ หรือเอกซเรย์ภาพปอดกรณีที่ไอมากร่วมกับมีเสมหะมาก เป็นต้น รักษาเจ็บคออย่างไร? แนวทางการรักษาเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบคือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประคองตามอาการ ก. การรักษาสาเหตุ: เช่น ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัส: ไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะเนื่องจากยาปฏิชีวนะไม่สามารถฆ่าไวรัสได้ ฆ่าได้แต่แบคทีเรีย ซึ่งไวรัสบางชนิดอาจรักษาได้ผลด้วยยาต้านไวรัสบางชนิดเช่น ยา Oseltamivir ในไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นต้น การให้ยาปฏิชีวนะ: เมื่อสาเหตุเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียเช่น ยาในกลุ่ม Penicillin เป็นต้น การให้ยาต้านเชื้อรา: เมื่อสาเหตุเกิดจากเชื้อราซึ่งจะใช้ยาชนิดใดขึ้นกับชนิดของเชื้อราเช่น ใช้ยา Fluconazole ในกรณีสาเหตุติดเชื้อรา Candida เป็นต้น อื่นๆ: เช่น การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุเช่น โรคกรดไหลย้อน โรคมะเร็งกล่องเสียง, การเลิกบุหรี่, การรักษาโรคภูมิแพ้, การหยุดใช้ยาที่เป็นสาเหตุ เป็นต้น ข. การรักษาประคับประคองตามอาการ: เช่น การดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว (ถ้าไม่มีโรคที่แพทย์ให้จำกัดน้ำดื่ม) ให้ยาแก้ปวด/ยาแก้เจ็บคอ ยาลดไข้ อมยาลูกอมลดการระคายคอ บ้วนปากบ่อยๆด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากเพื่อรักษาความสะอาดช่องปากและช่วยให้ช่องปากชุ่มชื้นลดการระคายคอ การพักผ่อนเต็มที่ และการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อกินดื่มได้น้อย เป็นต้น เจ็บคอรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม? ความรุนแรง/การพยากรณ์โรคของการเจ็บคอ/คออักเสบขึ้นกับหลายปัจจัยที่สำคัญคือ สาเหตุ: โรคต่างๆมีความรุนแรงโรคไม่เท่ากันเช่น ไข้หวัดใหญ่รุนแรงกว่าโรคหวัดธรรมดา และ โรคมะเร็งจะมีความรุนแรงโรคสูงสุด เป็นต้น อายุ: เด็กเล็กและผู้สูงอายุอาการจะรุนแรงกว่าเพราะจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป สุขภาพร่างกายดั่งเดิม: ผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง อาการจะรุนแรงกว่า โรคประจำตัวต่างๆ: เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาการจะรุนแรงกว่า อนึ่ง โดยทั่วไปการเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบมักไม่รุนแรง มักรักษาสาเหตุและอาการให้หายได้เสมอ ส่วนผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนจากการเจ็บคอคือ อาจเกิดภาวะขาดอาหารและภาวะขาดน้ำโดยเฉพาะในเด็กเล็กและในผู้สูงอายุจากการไม่ยอมกลืนเพราะกลืนแล้วเจ็บ ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเจ็บคอ? การดูแลตนเองเมื่อเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบที่สำคัญคือ กินอาหารอ่อน รสจืด (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com ในเกร็ดเรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์) โดยกินครั้งละน้อยๆแต่ให้บ่อยขึ้น บ้วนปากด้วยน้ำเกลือที่ไม่เค็มมากบ่อยๆโดยเฉพาะทุกครั้งหลังอาหาร ดื่มเครื่องดื่มเพื่อให้ช่องปากลำคอชุ่มชื้น ลดการระคายเจ็บคอ และกำจัดเศษอาหาร สารคัดหลั่งต่างๆ เป็นการรักษาความ สะอาดในช่องปาก/คอ ดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำพออุ่น กินยาแก้ปวด/ยาลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้หรือเจ็บคอมาก อาจอมยาเม็ดอมบรรเทาอาการเจ็บคอ ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ งดใช้เสียง ไม่ไปในที่แออัดหรือมีฝุ่นละอองมีควันต่างๆ ควรหยุดงาน หยุดเรียน จนกว่าไข้จะลงแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง งดบุหรี่/ไม่สูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รู้จักใช้หน้ากากอนามัย ถ้าได้พบแพทย์แล้วควรปฏิบัติตามแพทย์พยาบาลแนะนำ และกินยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น และพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด? ถ้าเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบและได้พบแพทย์แล้ว ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ อาการต่างๆเลวลงเช่น เจ็บคอมากขึ้นจนกลืนไม่ได้ ยังคงมีไข้สูง หรือกลับมามีไข้ หรือมีอาการเจ็บคออีก หลังจากอาการเดิมหายไป/ดีขันแล้ว กินหรือดื่มน้ำได้น้อย มีผื่นขึ้นตามมาหลังมีไข้หรือหลังไข้ลง ยังคงมีเสียงแหบหลังอาการต่างๆดีขึ้นแล้ว (เพราะอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งกล่องเสียงได้ในผู้สูงอายุ) น้ำมูก/เสมหะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง หรือยังคงมีน้ำมูก เสมหะเรื้อรัง หลังอาการต่างๆหายแล้ว (อาการของไซนัสอักเสบเรื้อรัง) เมื่อกังวลในอาการ ป้องกันเจ็บคอได้อย่างไร? การป้องกันการเจ็บคอ/คออักเสบ/คอหอยอักเสบคือ การป้องกันสาเหตุซึ่งประมาณ 80 - 90% เกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นวิธีป้องกันการเจ็บคอที่ดีที่สุดคือ การป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจซึ่งที่สำคัญคือ รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) รู้จักใช้หน้ากากอนามัย ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบทุกวัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆตั้งแต่วัยเด็กตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเช่น วัคซีนโรคไอกรน โรคหัด และโรคคอตีบ เป็นต้น และในผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัด ใหญ่ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข บรรณานุกรม https://www.honestdocs.co/strep-throat<br> https://www.honestdocs.co
เข้าชม : 984
|