1) คนใกล้ตัวไม่ได้รู้ดีไปกว่าคุณ
คนส่วนมากมักถามคนใกล้ตัว เช่น เพื่อน ว่าทานอะไรบำรุงร่างกายแล้วดี แล้วก็ไปหาซื้อผลิตภัณฑ์ยาบำรุงหรืออาหารเสริมมาทานตาม แต่รู้ไหมว่าแท้จริงแล้วเพื่อนคุณก็ไม่ได้รู้ดีไปกว่าคุณเลย เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
2) รู้จักร่างกายได้ถ่องแท้
ก่อนที่เราจะบำรุงร่างกาย เราต้องรู้เสียก่อนว่าเราอยู่ตรงไหน ร่างกายเราเป็นอย่างไร เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นยีน ฮอร์โมน ระดับวิตามิน เกลือแร่ หรือแร่ธาตุต่าง ๆ รวมไปถึงพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่มีผลต่อการดูแลสุขภาพ การรู้ว่าเราเริ่มต้นที่ตรงไหนจะทำให้เราสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพอย่างเป็นขั้นเป็นตอนได้ดียิ่งขึ้น และนั่นจะทำให้สุขภาพเราเห็นผลดีขึ้นในตอนท้าย
3) ดูแลสุขภาพได้ตรงจุด
ปัญหาสุขภาพของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป หรือแม้จะมีปัญหาสุขภาพเดียวกัน อาการที่แสดงออกภายนอกก็ต่างกันได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ภาวะอ้วนของบางคนอาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกิน แต่บางคนอาจเป็นผลจากภาวะโรคอื่น เช่น โรคไทรอยด์หรือโรคกระเพาะอักเสบ บางคนมีอาการปวดท้อง บางคนไม่ปวดท้องแค่ท้องอืด หรือบางคนมีอาการมึนศีรษะอยู่บ่อย ๆ แต่คนหนึ่งกลับเป็นเพราะโรคความดันโลหิตสูง ส่วนอีกคนอาจเป็นเพราะเลือดจาง เป็นต้น
4) เลี่ยงผลเสียที่เกิดจากการดูแลสุขภาพแบบผิด ๆ
การดูแลสุขภาพโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจนำไปสู่ผลเสียมากกว่าผลดีได้ ถ้าเราไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของอาการที่เป็น เช่น การได้รับวิตามินหรือสารอาหารบางอย่างเกินความจำเป็น โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวหรือมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น ผู้เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือภูมิแพ้ต่าง ๆ แล้วไปซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือวิตามินต่าง ๆ มารับประทานเอง รวมไปถึงการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะกับสภาพร่างกายด้วยความไม่รู้ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
5) ติดตามผลได้ต่อเนื่อง
การตรวจรักษาและรับฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้ชำนาญการ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เรารักษาสุขภาพได้อย่างมั่นใจ ยังทำให้เราสามารถติดตามผลได้อย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรมชัดเจนว่าเรายังสุขภาพแข็งแรงดีไหม และลดโอกาสเสี่ยงที่เราจะพลาดการรับรู้ว่าเกิดสิ่งผิดปกติในร่างกายเราไหม เพราะจะมีการนัดติดตามผลและตรวจร่างกายเป็นประจำ เป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาว