[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

 

  

อาหารเพื่อสุขภาพ
8 เมนูอาหารรับหน้าฝน เมนูสุขภาพแฝงความอร่อย จาก Kapook.com

พุธ ที่ 10 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2564

คะแนน vote : 32  

8 เมนูอาหารรับหน้าฝน
เมนูสุขภาพแฝงความอร่อย

ข้อมูลจาก cooking.kapook.com/view120750.html

      

1. แกงเลียง

     ส่วนผสม แกงเลียง

          • 
พริกไทยดำ 1 1/2 ช้อนชา
          • 
กระชาย 1-2 แง่ง
          • 
หอมแดง 3-4 หัว
          • 
กะปิ 1 ช้อนชา
          • 
กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
          • 
น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
          • 
บวบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
          • 
ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
          • 
ซูกินี หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
          • 
ข้าวโพดอ่อน หั่นสไลซ์ 150 กรัม
          • 
เห็ดกระดุม 150 กรัม
          • 
กุ้งสด 200 กรัม
          • 
ใบแมงลัก 80 กรัม
          • 
น้ำปลา (ปรุงรส)

วิธีทำแกงเลียง

          1.
เตรียมเครื่องแกงก่อน โดยโขลกพริกไทยกับกระชายแล้วใส่หอมแดงลงไปโขลกให้ละเอียด ตามด้วยกะปิ โขลกรวมกัน จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้งป่นลงไปโขลกรวมกันอีกครั้งให้ละเอียดเป็นอันเรียบร้อย
          2.
ใส่น้ำซุปไก่ลงในหม้อ ต้มให้เดือดแล้วใส่เครื่องแกงลงไป
          3.
พอน้ำแกงเดือดก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน ต้มพอเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักที่เหลืออื่น ๆ ลงไป (จริง ๆ ขึ้นอยู่กับการหั่นด้วยนะคะ อย่างฟักทองนี้แม่ปูหั่นชิ้นเล็กก็จะสุกไวค่ะ) พอน้ำเดือดปุ๊บก็ใส่บวบ ฟักทองอ่อน ซูกินีและเห็ดลงไป
          4.
พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งสดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ ชิมรส
           5.
พอส่วนผสมเดือดอีกครั้งก็ใส่เสน่ห์ของแกงเลียงลงไป คือใบแมงลักนั่นเอง
          6.
ตักเสิร์ฟร้อน ๆ ซดน้ำให้ชุ่มคอชื่นใจ หวัดหายสบายดี 

 

2. แกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา

 ส่วนผสม แกงจืดเต้าหู้

          • 
เต้าหู้ขาวแบบนิ่ม
          • 
กระเทียม 
          • 
พริกไทย 
          • 
รากผักชี
          • 
เนื้อปลาอินทรีบด (หรือเนื้อปลากรายบด)
          • 
แตงกวา (หรือมะระสด) คว้านเม็ดออก
          • 
เห็ดหอมสับ
          • 
น้ำเปล่า
          • 
ผงซุปไก่
          • 
กระเทียมเจียว
          • 
ผักชี-ต้นหอม
          • 
พริกไทยป่น

 

วิธีทำแกงจืดเต้าหู้


          1. หั่นแบ่งเต้าหู้ขาวเป็น 4 ชิ้น แล้วผ่าครึ่งเพื่อให้สอดไส้เข้าไปได้ หั่นต้นหอมและผักชีเป็นท่อน ๆ พักไว้
          2.
โขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย และรากผักชี ให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อปลา
          3.
นำเนื้อปลาที่ปรุงรสแล้วยัดไส้ไปในเต้าหู้และแตงกวา
          4.
นำน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ผงซุปไก่ลงไป (อาจใส่เห็ดหอมหั่นลงต้มไปด้วย เพื่อให้ได้กลิ่น)
          5.
เมื่อน้ำเดือดจัดใส่เต้าหู้และแตงกวายัดไส้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว (หรือน้ำปลา, เกลือป่น) 
          6.
ถ้าเต้าหู้และแตงกวาลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกดีแล้ว ก่อนปิดไฟให้แบ่งใส่ต้นหอมและผักชีบางส่วนลงไป ก่อนเสิร์ฟ โรยต้นหอม ผักชี และพริกไทย ใส่กระเทียมเจียว 

 
3. ซุปขิง

 ส่วนผสม ซุปขิง (สำหรับ 4 ที่)

          • 
ขิงอ่อน ปอกเปลือกซอยบาง 3 ถ้วย
          • 
มันฝรั่งหั่นเต๋า ถ้วย
          • 
หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ต้น
          • 
หอมฝรั่งซอย 1 ถ้วย 
          • 
ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย
          • 
วิปปิ้งครีมสด 1/2 ถ้วย
          • 
น้ำสต๊อกไก่ 6 ถ้วย
          • 
เกลือ 1 1/2  ช้อนชา
          • 
น้ำมันมะกอกสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
          •
อาหารทะเลสด 2 ถ้วย เช่น หอยเชลล์สด กุ้งทะเลสด และเนื้อปลาทะเลสด หั่นเป็นชิ้นพอคำ
          • 
พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
          •
ผักชี (ตกแต่ง)

วิธีทำซุปขิง

          1.
อุ่นน้ำสต๊อกให้เดือดแล้วใส่อาหารทะเลลงลวกจนสุก ตักขึ้นพักไว้
          2.
ผัดหัวหอมสับกับน้ำมันมะกอกด้วยไฟอ่อนจนสุกและใส จึงใส่ขิง ต้นหอม พริกไทย และมันฝรั่ง ลงไปผัดสักครู่จนเริ่มสุกนิ่ม เติมไวน์ขาวลงไปแล้วเร่งไฟขึ้น ผัดต่ออีกประมาณ 1 นาที เติมน้ำสต๊อกที่ลวกเนื้อสัตว์เมื่อครู่ลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มส่วนผสมจนมันฝรั่งนิ่ม ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น 
          3.
นำส่วนผสมที่ผัดไว้และเย็นแล้วใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนได้ซุปเนื้อละเอียดเนียนดี เทกรองผ่านกระชอน ใช้ทัพพียีส่วนผสมซุปให้ผ่านกระชอนลงไปมากที่สุด
          4.
เทซุปที่ได้กลับใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ต้มให้ร้อนอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมร้อนแล้วปิดไฟ เติมครีมสด คนพอเข้ากัน ตักซุปใส่ถ้วยแล้วใส่เครื่องทะเลที่ลวกไว้ลงไป โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ


4. น้ำพริกสมุนไพร

           เมนูน้ำพริกถ้วยนี้เรียกได้ว่ายกกองทัพสมุนไพรเผ็ดร้อนที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลในร่างกายมาไว้ในถ้วยเดียว ทั้งกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และข่า แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย เพราะแคลอรีต่ำ ดูแปลกใหม่แต่ได้ประโยชน์เห็น ๆ

ส่วนผสม น้ำพริกสมุนไพร

           • หอมแดงซอย 100 กรัม

           • กระเทียมซอย 75 กรัม

           • ตะไคร้ซอย 25 กรัม

           • ใบมะกรูดซอย 10 กรัม

           • พริกชี้ฟ้าแห้งหั่นท่อนสั้น ๆ 10 กรัม

           • กุ้งแห้ง 25 กรัม

           • ข่าซอย 5 กรัม

           • ไข่ต้ม 2 ฟอง

           • น้ำมันพืชสำหรับทอด

           • น้ำปรุงรส

           • ผักสดและผักต้มตามชอบ


ส่วนผสม น้ำปรุงรส

          • 
น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • 
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          • 
น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำพริกสมุนไพร

          1.
ทำน้ำปรุงรส โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีลักษณะเหนียวข้น ปิดไฟ เตรียมไว้
          2.
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า กุ้งแห้ง และพริกชี้ฟ้า ลงทอดตามลำดับจนสุกเหลืองกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
          3.
ตั้งกระทะ ใส่น้ำปรุงรสลงไป พอร้อนแล้วใส่สมุนไพรที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วดี ปิดไฟ ยกลง พักไว้พออุ่น จัดใส่ถ้วยรับประทานกับไข่ต้ม ผักสด และผักต้ม ตามชอบ

 
5. ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู

 ส่วนผสม ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู

          • 
เนื้อปลาแซลมอน (หั่นชิ้นยาวประมาณ 3 นิ้ว) 200 กรัม
          • 
ใบชะพลู 20 ใบ
          • 
น้ำมันพืช เล็กน้อย
          • 
เกลือป่นและพริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย

ส่วนผสม น้ำจิ้ม

          • 
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
          • 
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
          • 
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
          • 
น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
          • 
พริกขี้หนูหั่นแว่น 2 เม็ด

วิธีทำแซลมอนย่างใบชะพลู

          1.
โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อปลาแซลมอน จากนั้นห่อด้วยใบชะพลู เสียบไม้แล้วย่างบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนเนื้อปลาสุก
          2.
เตรียมส่วนผสมน้ำจิ้ม โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำ เข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ใส่พริกขี้หนู ชิมรส เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอนย่าง

 
6. บัวลอยน้ำขิง

 ส่วนผสม แป้งบัวลอย

          • 
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
          • 
แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
          • 
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

ส่วนผสม ไส้งาดำ

          • 
งาดำป่น 1 ถ้วย
          • 
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          • 
เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม

ส่วนผสม น้ำขิง

          • 
น้ำเปล่า 5 ถ้วย
          • 
ขิงแก่เผาไฟ 3-4 ชิ้น
          • 
น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
          • 
เกลือ 1/2 ช้อนชา

 

วิธีทำบัวลอยน้ำขิง


          1.
ทำไส้งาดำ โดยผสมน้ำตาลทรายกับงาดำป่นและเนยถั่วเข้าด้วยกัน (ถ้าไม่ชอบหวานให้ลดน้ำตาลลงได้) จากนั้นปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ เตรียมไว้
          2.
ทำแป้งบัวลอย โดยผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว และน้ำ เข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ 
          3.
ทำน้ำขิง โดยปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น (จะฝานเป็นแผ่นหรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ) ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ขิงลงไปต้ม ตามด้วยน้ำตาลอ้อย จากนั้นรอให้เดือดประมาณ 5 นาที แล้วยกลงจากเตา พักไว้ค่ะ
          4.
นำไส้ขนมออกมาจากตู้เย็น ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ กดให้แบน วางไส้ขนมลงไปแล้วห่อแป้งให้มิด (เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก) พอห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกลงผงแป้งข้าวเหนียว (เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ) ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมดนะคะ *อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ*
          5.
นำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ รอให้น้ำขิงเดือดก่อนแล้วนำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน


7. ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด

  ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียก

          • 
ข้าวฟ่าง
          • 
นมสดรสหวาน
          • 
ดอกอัญชัน
          • 
สาเกเชื่อม
          •
ดอกพวงชมพู (โรยหน้า)

วิธีทำข้าวฟ่างเปียก

          1.
ต้มข้าวฟ่างด้วยน้ำดอกอัญชันคั้นจนข้าวฟ่างสุกได้ที่
          2.
หั่นสาเกเชื่อมใส่ก้นถ้วย
          3.
ตักข้าวฟ่างที่หุงแล้วใส่ลงไปแล้วเกลี่ยให้มีช่องตรงกลาง
          4.
ใส่สาเกเชื่อมลงไปในช่องตรงกลาง
          5.
เทนมสดรสหวานราดลงไป แต่งด้วยกลีบดอกพวงชมพูให้สวยงาม


8. น้ำหมักผลไม้ 

ส่วนผสม น้ำหมักผลไม้
          • 
ผลไม้ตามชอบ 
          • 
น้ำแข็ง
          • 
น้ำแร่ หรือน้ำสะอาด
          • 
ขวดหรือกระบอก

วิธีทำน้ำหมักผลไม้

          1.
นำผักหรือผลไม้ที่ชอบมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เด็ดผักเป็นใบหรือทั้งก้านตามสะดวก (ให้ใส่ขวดได้เป็นพอ) 
          2.
นำผักและผลไม้ใส่ลงขวดหรือกระบอกที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนยาว ๆ บี้นิดหน่อยให้น้ำผลไม้และน้ำมันหอมระเหยของผักออกมา ใส่น้ำแข็งลงไป ตามด้วยน้ำสะอาด ปิดฝา นำไปแช่เย็น หมักขั้นต่ำ 1 ชั่วโมง ในกรณีต้องการดื่มแบบเย็นสะใจ แช่ไม่นาน (แต่ถ้าต้องการหมักข้ามวัน ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งค่ะ)  

           

 



เข้าชม : 433


อาหารเพื่อสุขภาพ 5 อันดับล่าสุด

      ประโยชน์จาก \"ถั่วเขียว\" ลดคอเลสเตอรอล-บำรุงหัวใจ จาก sanook 29 / ส.ค. / 2566
      ข้อควรระวังควรรู้ก่อนกิน \"เนื้อจระเข้\" จาก sanook 24 / ม.ค. / 2565
      ึึ7 เมนูน้ำพริก มื้อเย็นลดความอ้วน แคลอรีต่ำอิ่มอร่อยเบา ๆ จาก kapook 8 / ธ.ค. / 2564
      8 เมนูอาหารรับหน้าฝน เมนูสุขภาพแฝงความอร่อย จาก Kapook.com 10 / พ.ย. / 2564
      \\\"ผักปลัง\\\" ผักมากประโยชน์ ช่วยป้องกัน \\\"มะเร็ง\\\" จาก sanook 2 / พ.ย. / 2564


 

ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอควนเนียง
ถนนศรีสว่าง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา 90220
    โทร 
0-7438-6636 โทรสาร 0-7438-6636
knsk01.nfe@gmail.com

Powered by MAXSITE 1.10 Modify by นิกร เกษโกมล Version 2.05