องค์ความรู้ ครูถนอม ศิริรักษ์
ครูภูมิปัญญาไทย สาขาโภชนาการ รุ่นที่ ๓
ด้วยในอำเภอถิ่นกำเนิดของแม่ถนอมอยู่ติดทะเลและมีทุนทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ยามที่ชาวบ้านออกทะเลหาปลามาได้มากๆมักนำมาขายให้อยู่เสมอ ชาวบ้านส่วนหนึ่งประกอบอาชีพขึ้นตาลโตนดเพื่อเคี่ยวเป็นน้ำผึ้งเหลว จึงมีทรัพยากรทางการเกษตรในท้องถิ่นที่สมารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารและสินค้าการเกษตรได้เป็นอย่างดี และด้วยแรงบันดาลใจในการเริ่มทำ “บูดู” จากคุณสงวน ส่งศรี เล่าให้ฟังถึงครั้งที่ใช้กะปิกุ้งทำ “น้ำบูดูข้าวยำ” ถวายพระชาวปักษ์ใต้ ที่วัดบูรณะศิริ กรุงเทพฯ ทำให้แม่ถนอม ฉุกคิดว่าน่าจะทำข้าวยำขายเป็นรายได้เสริมหลังจากเลิกงานโรงเรียน เนื่องจากยังไม่มีความรู้จึงไปศึกษากับคุณป้าน่วม กลัดวิภาค ผู้เป็นญาติๆแนะนำให้เอา “จิ้งจังคลุ้ง” (เป็นการนำปลาทะเลตัวเล็กๆเช่น ปลาไส้ตัน,ปลาหลังเขียว,ปลาลูกเมละ มาหมักกับเกลือ เป็นอาหารพื้นบ้านบนคาบสมุทรสทิงพระอีกอย่างหนึ่ง) ที่คุณป้าน่วมทำเอาไว้ มาทำ น้ำบูดูข้าวยำ เพื่อขายในตลาดของหมู่บ้าน
ต่อมาราวๆปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงเริ่มทำ บูดู เองโดยรับซื้อปลาจากพี่น้องชาวประมงชายฝั่งแถวบ้านชายคู,บ้านพังจิก ตำบลจะทิ้งพระ และบ้านพังสาย ตำบลกระดังงา และยังทำ บูดู เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงชายฝั่งดังกล่าวมาถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังค้นพบสูตรการแปรรูป น้ำบูดูข้าวยำ ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองภาคใต้ ที่เหลือใช้ มาทำเป็น ซีอิ๊ว ซึ่งนับเป็น “ซีอิ๊วปลา” ตัวเดียวและตัวแรกของเมืองไทยก็ว่าได้ เมื่อค้นพบแล้วจากนั้นก็ได้ทำการทดลองปรับปรุงรสชาติและพัฒนาสูตรการปรุงจนได้รสชาติเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค พร้อมทั้งได้ถ่ายทอดเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจจากชุมชนต่างๆอยู่เสมอเรื่อยมา นับเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ “ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย” เพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดให้กับประชาชน, กลุ่มอาชีพชุมชนที่สนใจจะเรียนรู้ รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้และเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจให้กับชุมชน โดยใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่น คือ บูดู และ น้ำผึ้งโหนด หรือ น้ำตาลเข้มข้น มาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่ง
นับเป็นการทำ น้ำบูดู ให้เอื้อประโยชน์ในการทำ น้ำปลา,น้ำบูดูข้าวยำ และ ซีอิ๊วปลา แบบทำครั้งเดียวสามารถแตกหน่อต่อยอดออกไปได้ถึง ๒ - ๓ ผลิตภัณฑ์