นักวิจัย ใช้ประโยชน์จาก"พลังของความคิด"ของมนุษย์ เพื่อใช้ควบคุมคอปเตอร์ 4  ใบพัด หรือควอดคอปเตอร์ ให้สามารถบินได้ตามที่ต้องการ  และสามารถต่อยอดการพัฒนาเพื่อผลิตอุปกรณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ทุพลภาพได้ ในอนาคต
การทดสอบจำเป็นต้องใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านการฝึก  เพื่อให้สามารถจดจำรูปแบบของเทคนิคการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง  (Electroencephalogram) โดยความคิดต่างๆ อาทิ การกำหมัดด้วยมือซ้าย  จะมีความสัมพันธ์ร่วมกันกับการเคลื่อนไหวของควอดคอปเตอร์ไปทางซ้าย
 
แม้คลื่นไฟฟ้าสมองจะยังคงมีความซับซ้อนและไม่สามารถเข้าใจสัญญาณไฟฟ้าได้ ทั้งหมดแต่กระบวนความคิดที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้และสามารถปฏิบัติซ้ำได้
 
โดยแนวคิดดังกล่าว ได้มีการนำไปประยุกต์ใช้ในการควบคุมเก้าอี้วีลแชร์   และสัญญาณคลื่นสมองที่มีความชัดเจนพอ   ยังเคยถูกนำไปใช้ในการสร้างวงออร์เคสตร้าที่ควบคุมด้วยสมองครั้งแรกของโลก  เมื่อปี 2009 มาแล้ว  และแม้กระทั่งบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่างซัมซุง  ยังได้แสดงความสนใจต่อเทคโนโลยีดังกล่าว  และมีรายงานว่ากำลังพัฒนาแทบเล็ตที่ควบคุมด้วยจิตใจได้ด้วย
ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยมินนิโซตาควบคุมหุ่นยนต์ด้วยคลื่นสมอง  เพียงนึกภาพในใจ สามารถสั่งให้เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นลง  เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้
 
ปิ้น เหอ ผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรมการแพทย์  มหาวิทยาลัยมินเนโซต้าของสหรัฐฯ พร้อมทีมงาน  ได้เคยร่วมทำการทดลองบินคอปเตอร์จำลองโดยผ่านการควบคุมด้วยจิตใจมาแล้วเมื่อ ปี 2011 โดยในการทดสอบครั้งล่าสุด ได้มีการเลือกผู้ทำการทดสอบ 5 ราย  ที่จะต้องสวม"หมวกตัวอย่าง"ที่ประกอบด้วยอิเล็กโทรดหรือขั้วไฟฟ้าจำนวน 64  ตัวทำหน้าที่จับสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสมอง  โดยหมวกดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อป้อนรูปแบบของสมองที่สัมพันธ์กับความคิดในการ เคลื่อนไหวไปยังคอมพิวเตอร์ 
 โดยเมื่อผู้ทดสอบกำลังคิดว่ากำหมัดซ้ายและขวา  ตัวคอปเตอร์จะเคลื่อนไปทางซ้ายและขวา  และคิดว่ากำหมัดทั้งสองข้างพร้อมกันเมื่อต้องการให้บินขึ้น และอยู่เฉยๆ  หากต้องการให้คอปเตอร์ร่อนลง ต่อมาได้มีการเซ็ตคอมพิวเตอร์  เพื่อให้ถ่ายทอดสัญญาณนั้นผ่านไว-ไฟ ไปยังเฮลิคอปเตอร์ 4 ใบพัด  หรือควอดคอปเตอร์  นอกจากนั้นยังมีการสร้างให้คอปเตอร์ดังกล่าวสามารถบินในสภาพที่มีอุปสรรคกีด ขวาง ในสถานที่ทดลองซึ่งเป็นยิมเนเซียมของมหาวิทยาลัย  โดยมีอัตราการประสบความสำเร็จอยู่ที่ 90%
 
ศ.เหอ กล่าวว่า  เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยผู้ป่วยอัมพาตและคนไข้โรคประสาทเสื่อมที่ไม่สามารถ เคลื่อนไหวร่างกายในการสั่งงานหุ่นยนต์ผู้ช่วยเขาหวังว่าจะต่อยอดเทคโนโลยี เพื่อใช้ในการพัฒนาวีลแชร์ เปิดโทรทัศน์  และที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมอวัยวะเทียม  นอกเหนือจากการใช้กับผู้ทุพลภาพแล้ว  ยังสามารถนำไปพัฒนาเพื่อใช้ควบคุมหุ่นยนต์ที่ใช้ในครัวเรือนได้อีกด้วย

ศูนย์สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ
http://www.braille-cet.in.th/Braille-new/?q=article-1444