๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.๓๐ น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่ายตุลาการ เข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ตามรัฐธรรมนูญและกฏมณเฑียรบาลงว่าด้วยการสืบสันติราชวงศ์ โดยมีนายพรเพชร ประธาน สนช. กราบบังคมทูลอัญเชิญองค์รัชทายาท เสด็จขึ้นทรงราชเป็นพระมหากษัตริย์เพื่อสืบราชสันตติวงศ์
สมเด็จพระบรมฯ ทรงกล่าวรับว่าความว่า "ตามที่ประธานสนช. ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฏมณเฑียรบาลการสืบราชสันตติวงศ์ ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปฏิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทย"
จากนั้นสมเด็จพระบรมฯ เสด็จฯไปประทับราบ ณ พระสุจหนี่ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรายกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้เข้าเฝ้าฯ และพลเอกเปรม กราบถวายพระชัยมงคล
หลังจากนั้นได้มีประกาศจาก ประธานสนช. และ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบว่า สมเด็จพระบรมฯได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตรย์ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม๒๕๕๙ ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แล้วตามคำอัญเชิญทูลขึ้นครองราชย์ และทรงพระกรุณารับคำประกาศทูลอัญเชิญ การดำเนินดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญไทยและตามกฏมณเฑียรบาลในการสืบราชสันตติวงศ์
ส่วนพระราชพิธีราชาภิเษกจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ซึ่งพระองค์ท่านอยากให้จะเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เข้าชม : 513
|