[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

 
 
 
 

  

ความรู้เกี่ยวกับ IT
เอาชนะ ภูมิแพ้ด้วยตนเอง

เสาร์ ที่ 27 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2560

คะแนน vote : 59  

 
เอาชนะ  ภูมิแพ้ ด้วยตนเอง

หากมีอาการไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ที่คอยสร้างความรำคาญเป็นประจำทุกวัน นั่นเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเกิดอาการแพ้อากาศหรือฝุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรคภูมิแพ้นั่นเอง อันเกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้มีปฏิกิริยาภูมิแพ้เกิดขึ้นเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป

/data/content/2014/09/25749/cms/e_chklmtuvwz28.jpg

           โดย "ภูมิแพ้" เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่พบมากในประเทศไทย และมีคนไทยกว่า 10 ล้านคนป่วยเป็นภูมิแพ้ แม้จะเป็นโรคไม่ติดต่อ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมของเราอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงจัดกิจกรรม "เอาชนะภูมิแพ้" ให้มารู้จักกับวิธีง่ายๆ ในการดูแลตัวเองเพื่อเอาชนะอาการโรคภูมิแพ้

            คุณชินริณี วีระวุฒิวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เผยว่า โรคภูมิแพ้คือโรคที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่เยื่อบุของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุตาขาว เยื่อบุทางเดินหายใจ หรือเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น เป็นโรคที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ทารก เด็กเล็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ คนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักไม่ค่อยมีอาการรุนแรงถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

            โรคภูมิแพ้ยอดฮิตที่คนไทยเป็นมากที่สุด ได้แก่ โรคภูมิแพ้อากาศ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคภูมิแพ้อาหาร และโรคภูมิแพ้ยา โดยสาเหตุของโรคภูมิแพ้นั้นมีอยู่หลายประการ อย่างแรกก็คือปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์ ซึ่งหากว่าในครอบครัวองเรามีคนเป็นโรคภูมิแพ้ เราก็มีสิทธิ์เป็นโรคภูมิแพ้ อันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเรานั้นเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้

            ปัจจัยที่สอง ก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสภาวะที่เป็นพิษ ซึ่งสารเคมีต่างๆ หากถูกผิวที่บอบบางของเราแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และในบางครั้งสภาวะแวดล้อมที่มีแต่สิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย อย่างทุ่งดอกไม้ หรือว่าที่ที่มีเกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองมากๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการแพ้ของเรากำเริบขึ้นมาได้

            ปัจจัยที่สาม ก็คืออาหารการกิน ซึ่งหากว่าร่างกายรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการผื่นมา ก็จะทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยา อย่างเช่น การแพ้อาหารทะเล หรือว่าแพ้นม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารที่เราแพ้นั้นมักจะเป็นอาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น นม อาหารทะเล ถั่วต่างๆ ซึ่งหากว่าเราแพ้นั้น ก็จะมีผื่นขึ้นตามตัว และอาจจะมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารร่วม อย่างอาการปวดท้องหรืออาเจียน การแพ้อาหารนั้น ในบางครั้งหากว่าเรารับประทานในปริมาณไม่มากพอก็อาจจะไม่มีอาการก็เป็นได้ เราจึงควรต้องระมัดระวังการรับประทานอาหารองเราเองให้ดี

            ส่วนสาเหตุอื่นๆ ของการแพ้นั้น ก็มาจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสุนัข ขนแมวเกสรหญ้า หรือเชื้อรา เป็นต้น รวมทั้งอาจจะเป็นการแพ้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีส่วนผสมจากสารเคมี ซึ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกว่านี่คือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด ดังนั้น เวลาใช้ของสิ่งใดก็ควรจะระวังให้ดี สิ่งของเหล่านั้นก็อย่างเช่น น้ำหอม ยาปฏิชีวนะ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาขัดห้องน้ำ เป็นต้น

           ส่วนอาการของคนที่เป็นภูมิแพ้ หากเกิดการอักเสบที่ ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีอาการผื่นคันเรื้อรัง บริเวณใบหน้า ข้อพับแขนขา หรือลำตัว เป็นต้น เยื่อบุโพรงจมูก ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกเรื้อรังร่วมกับอาการจาม คันหรือคัดจมูก เยื่อบุ/data/content/2014/09/25749/cms/e_adefntvz3579.jpgตาขาว ผู้ป่วยจะมีอาการคัน หรือเคืองตาเรื้อรัง แสบตา หรือน้ำตาไหลบ่อยๆ เยื่อบุทางเดินหายใจ จะทำให้เกิดโรคหืด ผู้ป่วยจะมีอาการไอ หอบหายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หรือหายใจได้ยินเสียงวี้ด หรือ เยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้เกิดโรคแพ้อาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการอุจจาระร่วงเรื้อรัง อาเจียน น้ำหนักตัวลด ร่วมกับอาการผื่นเรื้อรังและภาวะซีด เป็นต้น 

            การรักษาโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการวัคซีน หากปฏิบัติตนให้อยู่ในหลักสำคัญ 3 ข้อนี้ 1.การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคือง เนื่องจากการรักษาที่ดีที่สุดของโรคภูมิแพ้ คือการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อรักษา หรือเพื่อบรรเทาและควบคุมอาการที่จะเกิดขึ้น 2.การใช้ยาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ และ 3.การดูแลตนเองให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที จะช่วยทำให้การนอนหลับได้ดีมากขึ้น และไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลาที่จะนอน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวและไม่พร้อมเข้าสู่การนอนหลับ.

          ปรุงชาเบญจรส ช่วยขับลม รักษาอาการไอ

          ส่วนผสม ขิงแก่ 1 แง่ง ตะไคร้ 5 ต้น กะเพรา 1 กำ โหระพา 1 กำ ลูกผักชี 2 ทัพพี ลูกกระวาน 1 ทัพพี น้ำสะอาด 2 ลิตร

          วิธีการทำ

          1.หั่นตะไคร้และขิงเป็นแว่น

          2.คั่วลูกกระวานและลูกผักชีพอหอมๆ

          3.ตั้งน้ำให้เดือด

          4.ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไป

          5.ทิ้งไว้ให้เดือดประมาณ 5 นาที

          6.ปิดไฟตักรับประทานได้ 

          รับประทานขณะร้อนๆ จะช่วยขับลมและรักษาอาการไข้หวัด หากต้องการรักษาอาการไอและช่วยให้ชุ่มคอให้ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย.

           รู้ไว้ พิชิตโรค

           ปุย-นาฎนภางค์ ลิ้มเจริญ อายุ 43 ปี พนักงานบัญชี บอกว่า สนใจเข้าร่วมกิจกรร มเพราะว่าลูกชายมีอาการภูมิแพ้ เวลาอากาศเปลี่ยนมักจะมีอาการไอ น้ำมูกไหล จึงอยากได้ความรู้นำไปปฏิบัติตาม ซึ่งจากที่ฟังมีเคล็ดลับ/data/content/2014/09/25749/cms/e_ekpsvwxy3789.jpgในการทำน้ำสมุนไพรแก้อาการภูมิแพ้ บรรเทาการไอ โดยสมุนไพรไทยนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค เพราะเราก็กลัวว่าหากใช้ยาแผนปัจจุบันมากๆ จะทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกายของลูก ถือเป็นกิจกรรมดี มีประโยชน์ และได้รับความรู้ใหม่ๆ ในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมค่ะ

           จิ๋ม-รุ่งรัตน์ อู่เชื้อวงศ์ อายุ 51 ปี แม่บ้าน บอกว่า ด้วยตัวเองป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ จึงอยากเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเรียนรู้วิธีในการดูแลตัวเอง เพราะโรคนี้ค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน อากาศปัจจุบันนี้ก็เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ซึ่งเราเองก็จะประสบปัญหาโดยตรง มักเป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ไอ จาม จากอาการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กิจกรรมครั้งนี้จึงมีประโยชน์กับเราโดยตรงในการใช้ธรรมชาติบำบัด จากการปรับความสมดุลในร่างกาย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค และยังได้เรียนรู้การทำน้ำสมุนไพรที่เป็นอีกวิธีทำให้ห่างไกลจากยาที่เป็นสารเคมีค่ะ.



เข้าชม : 603


ความรู้เกี่ยวกับ IT 5 อันดับล่าสุด

      โควิดสายพันธุ์ โอไมครอน คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน 26 / ธ.ค. / 2564
      สถานการณ์ COVID-19 ในเขตเทศบาลนครสงขลา ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2564 วันนี้ในพื้นที่ตำบลบ่อยาง พบผู้ป 31 / ส.ค. / 2564
      ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2564 รวม 3,323 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อติดเชื้อใหม่ 2 27 / พ.ค. / 2564
      \"อาการโควิด-19\" แบบเดิม การระบาดระลอกที่ 1 และ 2\" 17 / เม.ย. / 2564
      โรคข้อเข่าเสื่อม 26 / มิ.ย. / 2560


 
ศกร.ระดับตำบลพังลา
Phang La Non-Formal Education
๑๓๕  ถ.กาญจนวนิช  หมู่ที่ ๑ บ้านพังลาตก  ตำบลพังลา  อำเภอสะเดา  จังหวัดสงขลา  ๙๐๑๗๐
website :http://sk.nfe.go.th/sadao06
โทร. ๐๘๑-๐๙๕๓๗๕๒
 (ครูสุ)  Facebook: Suphattra nawayo
 LINE ID : SuphattraSu
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05