[x] ปิดหน้าต่างนี้
 


   
 

  

ข่าวประชาสัมพันธ์
รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี

เสาร์ ที่ 3 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2559


 

พระนามในหลวงรัชกาลที่ 10 (พระปรมาภิไธย)

"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"

คำอ่านพระปรมาภิไธย  : สม-เด็ด-พระ-เจ้า-อยู่-หัว-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน-บอ-ดิน-ทระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน
พระปรมาภิไธยภาษาอังกฤษHis Majesty King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangkun
 


พระนามเต็ม พระบรมฯ (เจ้าฟ้าชาย) (รอสถาปนา รัชกาลที่ 10)

           สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒฯ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร


พระนามเดิม (แรกประสูติ)
          สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร

พระปรมาภิไธยย่อ :  วปร

การสถาปนา

          สนช. กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว        ตามกฏมณเฑียรบาล เมื่อเวลาประมาณ 11:00 น. วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2559


พระราชประวัติองค์รัชทายาท


             สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมายุ 64 พรรษา ทรงเป็นพระโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

          สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 โดยเมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
         สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และโรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ จากนั้นทรงไปศึกษาต่อ ที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ และสำเร็จการศึกษา จากวิทยาลัยการทหารดันทรูน แคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย หลังจากเสด็จกลับประเทศไทย ทรงรับราชการทหาร และศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 และทรงผนวช เมื่อ พ.ศ. 2521 จากนั้นทรงศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รุ่นที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2525 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร จากประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2533
         เมื่อเสด็จนิวัติประเทศไทยแล้ว ได้ทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และทรงเข้ารับราชการทหาร โดยประจำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม และต่อมาทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทรงผ่านหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินพาณิชย์หลายหลักสูตร และได้ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินสำหรับเครื่องบินขับไล่ของทหารด้วยในด้านพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทย ทรงโปรดให้สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชขึ้นหลายแห่ง เพื่อรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร และทรงเสด็จในฐานะผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปในงานพระราชพิธีสำคัญบ่อยครั้ง
         สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรสมาแล้วสามครั้ง โดยครั้งแรกกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มีพระธิดาคือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ครั้งที่สองกับสุจาริณี วิวัชรวงศ์ มีพระโอรส 4 พระองค์ และพระธิดาคือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ครั้งที่สามกับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี มีพระโอรสคือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

ที่มา : http://www.lyrics.im/2016/11/full-name-king-rama-10.html




เข้าชม : 311


ข่าวประชาสัมพันธ์ 5 อันดับล่าสุด

      16 - 17 มีนาคม 2567 อบรมให้ความรู้การทำเว็บไซด์ Blogger 19 / มี.ค. / 2567
      ประชาสัมพันธ์รับสมัครนักศึกษา 1/2567 19 / มี.ค. / 2567
      สถานที่ท่องเที่ยว 2 / พ.ค. / 2560
      กิจกรรมดี ๆ ที่สวนธรรมพัฒนาจิต 2 / พ.ค. / 2560
      เชิญชวนร่วมบุญสร้างศาลาปฏิบัติธรรม 2 / พ.ค. / 2560