[x] ปิดหน้าต่างนี้
 

 

  

ความรู้เกี่ยวกับ IT
รู้ทันโรค \"น้ำในหูไม่เท่ากัน\"

ศุกร์ ที่ 7 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2559

คะแนน vote : 51  

 มีหลายท่านสงสัยว่าอยู่ดี ๆ เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ลุกเดินไม่ได้ และเป็นอยู่บ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ จะเป็นอันตรายหรือไม่ ผู้มีอาการเหล่านี้ไม่ต้องกังวลค่ะ

รู้ทันโรค

แฟ้มภาพ

ผู้ที่เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน จะมีอาการหลักที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์คืออาการเวียนศีรษะ แต่อยากจะทำความเข้าใจว่าอาการเวียนศีรษะจริง ๆ แล้วเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ได้มากมายนอกเหนือไปจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ถ้าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันจะต้องมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น รู้สึกแน่นในหู มีเสียงรบกวนในหู ซึ่งอาจดังต่อเนื่อง หรือดังเป็นพัก ๆ หรือบางรายรู้สึกเหมือนมีเสียงลมพัดอยู่ในหู ซึ่งอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน จะเป็นอยู่นานไม่ต่ำกว่า 20 นาทีจนถึงหลายชั่วโมง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย และหลังจากนั้นอาจมึนงงทรงตัวลำบากต่อได้อีกหลายวัน นอกจากนี้ยังมีอาการหูอื้อ การได้ยินลดลง ผู้ป่วยจะมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ราว 1-2 วัน แล้วค่อย ๆ ดีขึ้นจนกลับมาเป็นปกติ แล้วก็กลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งความถี่ของอาการเวียนศีรษะจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

โรคนี้พบมากในช่วงอายุ 30-60 ปี ทั้งเพศชายและเพศหญิง และส่วนมากเป็นในหูข้างเดียว แต่ก็อาจเป็นทั้งสองหูได้

โรคน้ำในหูไม่เท่ากันเป็นภาวะที่มีน้ำในหูชั้นในคั่งหรือมีความดันเพิ่มขึ้นซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการสร้างน้ำในหูชั้นในมากขึ้น, ท่อทางเดินน้ำในหูชั้นในแคบทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก, มีการดูดซึมน้ำในหูชั้นในกลับน้อยกว่าปกติ หรือเกิดจากภาวะภูมิแพ้

การจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากการซักประวัติ, ตรวจร่างกาย และตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจการได้ยิน ซึ่งมีเกณฑ์ในการวินิจฉัยแน่ชัดไม่ใช่วินิจฉัยจากอาการเวียนศีรษะเพียงอย่างเดียว ในกรณีที่อาการไม่ชัดเจนก็อาจต้องอาศัยการตรวจพิเศษอื่น ๆ เช่น ตรวจประสาททรงตัว, ตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan หรือ MRI) สมองและหูชั้นใน

การรักษาหลักคือ รักษาอาการเวียนศีรษะ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ  แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม, พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่รับประทานยาแก้เวียนศีรษะได้ผลดี ทั้งนี้การใช้ยาขึ้นกับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย บางรายเพียงแต่รับประทานยาแก้อาการเวียนศีรษะเป็นครั้งคราว บางรายมีอาการเวียนศีรษะบ่อยจนรบกวนชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นเดือนหรือเป็นปี ผู้ป่วยส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรงรับประทานยาแล้วได้ผลไม่เต็มที่ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาเข้าไปในหูชั้นกลาง เพื่อให้ยาซึมผ่านเข้าไปในหูชั้นในหรือใช้วิธีการผ่าตัด แต่เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จึงยังไม่มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรค และไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรง ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อเนื่อง ก็จะควบคุมอาการเวียนศีรษะได้และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

 

ผู้ป่วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ควรลดภาวะเครียด ทำอารมณ์ให้แจ่มใส ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญควรควบคุมอาหารเค็ม และบริหารประสาททรงตัว ซึ่งจะช่วยทำให้ควบคุมอาการเวียนศีรษะได้ดีขึ้น



เข้าชม : 422


ความรู้เกี่ยวกับ IT 5 อันดับล่าสุด

      การรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง 24 / ก.ค. / 2560
      วิธีป้องกันร่างกายเมื่อต้องผจญแดดแรงอากาศร้อนจัด 4 / พ.ค. / 2560
      ใบมะกรูด..แก้โรคนอนไม่หลับ 7 / เม.ย. / 2560
      รวมธนบัตรที่ระลึกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) 6 / มี.ค. / 2560
      “ไมยราพ” ลดไขมัน-น้ำตาลในเลือด 3 / ก.พ. / 2560


 
กศน.ตำบลน้ำขาว 
หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำขาว อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา 90130 โทรศัพท์ 098-0155700
การเรียนแบบพบกลุ่ม
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05