สมัยก่อนเวลาที่เป็นแผล มีกลากเกลื้อน โรคผิวหนังบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการคันจะเดินไปที่สวนของบ้านตัดว่านหางจระเข้มากาบนึง แล้วเอาส่วนเมือกวุ้นมาทาบริเวณที่ต้องการรักษา ทาเช้าเย็นอยู่ประมาณ 2-3 วันก็หาย
แต่มาทราบภายหลังว่าว่านหางจระเข้นั้นไม่ใช่พืชของไทย แต่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ทวีปแอฟริกา และยังสามารถนำมารับประทานได้อีกด้วย เรียกได้ว่าว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ภายนอกนั้นเราใช้ในการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด และโรคผิวหนังบางชนิด บางเคล็ดลับบอกว่าสามารถนำมาใช้บรรเทาอาการเจ็บริดสีดวงทวารได้ด้วยการตัดเอาเฉพาะส่วนที่เป็นวุ้น หั่นเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ตามชอบ แล้วเหน็บไว้ที่ทวารหนัก (เน้นและย้ำว่าเฉพาะเนื้อวุ้นเท่านั้น) ส่วนการรักษาแผลก็แค่ตัดมา 1 กาบ ใช้ส่วนเมือกวุ้นทาทิ้งไว้ หากจะใช้อีกครั้งก็เพียงแค่เอากาบเดิมมาตัดส่วนที่ช้ำออกบางๆ จะได้เมือกวุ้นใหม่มาทารักษา กลิ่นอาจจะไม่หอมนักแต่รักษาได้ชะงักนักแล
การรักษาภายในร่างกายเราจะรับประทานส่วนที่เป็นเนื้อวุ้น ซึ่งมีวิตามิน แร่ธาตุ ที่สำคัญต่อร่างกายหลายอย่าง โดยเฉพาะวิตามินบี เมื่อรับประทานจะช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะขณะท้องว่าง ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
แต่จะให้รับประทานเนื้อว่านหางจระเข้ล้วนๆ ก็คงฝาดลิ้น เรานิยมนำวุ้นที่ได้มารับประทานกับของหวานเช่น ใส่ในขนมปังน้ำแข็งใส ใส่รับประทานคู่กับเมนูกะทิ หรือใช้เป็นวัตถุดิบแทนวุ้นในขนมหวาน หรือเครื่องดื่มตามชอบ
เข้าชม : 490
|